อย่างที่เคยได้กล่าวไปแล้วในบทความ “ Keyword คืออะไร “ ว่าเรื่องของ Keyword นั้น มีความสำคัญอย่างไรและเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการทำ SEO ได้ขนาดไหน เพราะฉะนั้นการจะเลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับเว็บไซต์หรือแคมเปญที่เรากำลังจะทำเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ ซึ่งก่อนที่เราจะเลือกคีย์เวิร์ดมาใช้นั้น เรื่องแรกที่เราต้องรู้ และ ทำความเข้าใจกันก่อนเลย คือ ประเภทของ Keyword
ทำไมต้องทำความเข้าใจ ? เพราะเมื่อถึงขั้นตอนที่คุณต้องลงมือหาคีย์เวิร์ดจริง ๆ คุณจะพบลิสต์คีย์เวิร์ด ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณจำนวนมาก โดยคุณจำเป็นต้องแยกประเภทของคำให้ได้ว่า แต่ละคำเป็นคีย์เวิร์ดประเภทไหน เพราะแต่ละประเภท มีวิธีการใช้งานและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป การที่คุณเข้าใจประเภทของคีย์เวิร์ด หมายถึง คุณสามารถเลือกใช้คำ ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์และวัตถุประสงค์ของคุณที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดนั่นเอง
ประเภทของ Keyword มีอะไรบ้าง
จริง ๆ แล้วประเภทของคีย์เวิร์ด มีการแบ่งประเภทหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับเป็นคีย์เวิร์ดที่จะนำไปใช้งานแบบไหน สำหรับคีย์เวิร์ดที่เราจะนำไปใช้ในเว็บไซต์ ใช้ทำคอนเทนต์ เพื่อการทำ SEO นั้น ปกติเราจะแบ่งกันเป็น 3 ประเภท ดังนั้น
1.Seed Keyword
- เป็นคำหรือวลีที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ โดยผู้คนใช้ค้นหาข้อมูลทั่วไป มีความหมายแบบกว้าง ๆ เช่น “รองเท้ากีฬา” “รองเท้าแตะ” หรือ “รองเท้าส้นสูง”
คุณลักษณะ : คีย์เวิร์ดประเภทนี้มักมีการแข่งขันสูง แต่มีปริมาณการค้นหาสูงเช่นกัน
2.Niche Keyword
- เป็นคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ของคุณ เช่น “รองเท้ากีฬาสำหรับผู้ชาย” “รองเท้าแตะสำหรับผู้หญิง” หรือ “รองเท้าส้นสูงสำหรับงานแต่งงาน”
คุณลักษณะ : คีย์เวิร์ดประเภทนี้มักมีการแข่งขันต่ำ แต่มีปริมาณการค้นหาต่ำเช่นกัน
- Long-tail Keyword
- เป็นคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ แบบลึกลงไปถึงการระบุยี่ห้อ ชนิด สี รุ่น ของสินค้าหรือบริการของคุณเลย เช่น “รองเท้าแตะสำหรับผู้หญิง Adidas Nike Vista สีชมพู” เป็นต้น
คุณลักษณะ : คีย์เวิร์ดประเภทนี้มีการแข่งขันต่ำมาก มีประมาณการค้นหาต่ำ มีความจำเพาะเจาะจง
แต่ Long-tail Keyword เป็นประเภทคีย์เวิร์ดที่คุณต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะถึงแม้จะมีปริมาณการค้นหาที่ต่ำ แต่ด้วยความเจาะจงของมัน การที่มีคนค้นหาคำนี้นั้นหมายถึง เขาต้องการสินค้านั้นจริง ๆ และพร้อมที่จะเป็นลูกค้าของคุณได้ในทันทีทันใดเลย
ผมขอยกตัวอย่างเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจ คีย์เวิร์ดทั้ง 3 ประเภท Seed Niche และ Long-Tail มากขึ้นแล้วกัน โดยยกตัวอย่างของ เว็บไซต์ขายรองเท้าวิ่ง นะครับ
Seed Keyword
- รองเท้าวิ่ง (คำกว้างๆ ไม่เฉพาะเจาจง)
Niche Keyword
- รองเท้าวิ่ง ผู้ชาย (บอกหมวดหมู่สินค้า)
- รองเท้าวิ่ง ผู้หญิง (บอกหมวดหมู่สินค้า)
Niche Long Tail Keyword
- รองเท้าวิ่ง ผู้ชาย adidas (คำเฉพาะเจาะจง)
- รองเท้าวิ่ง ผู้หญิง Nike Air Zoom (คำเฉพาะเจาะจง)
- รองเท้าวิ่ง ผู้ชาย Hoka (คำเฉพาะเจาะจง)
คีย์เวิร์ด 5 ประเภทในมุมมองของการลงโฆษณา Google
- Broad match : เป็นประเภทของคีย์เวิร์ดที่กว้างที่สุด โฆษณาของคุณจะแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาด้วยคำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดของคุณ ไม่ว่าคำหรือวลีนั้นจะเรียงลำดับอย่างไรก็ตาม
- Phrase match : เป็นประเภทของคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงกว่า broad match โฆษณาของคุณจะแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาด้วยคำหรือวลีที่เรียงลำดับเหมือนกับคีย์เวิร์ดของคุณ
- Exact match : เป็นประเภทของคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงที่สุด โฆษณาของคุณจะแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาด้วยคำหรือวลีที่ตรงกับคีย์เวิร์ดของคุณเท่านั้น
- Negative match : เป็นประเภทของคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการปิดกั้นคำหรือวลีไม่ให้โฆษณาของคุณแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาด้วยคำหรือวลีเหล่านั้น
- Broad match modifier : เป็นประเภทของคีย์เวิร์ดที่คล้ายกับ broad match แต่คุณสามารถใช้ตัวดำเนินการต่างๆ เช่น +, * และ ? เพื่อทำให้โฆษณาของคุณมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
ลักษณะของ Keyword ที่ดีควรเป็นอย่างไร
คีย์เวิร์ดที่ดีที่สุดไม่มีจริง มีแต่คีย์เวิร์ด ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น เมื่อเหมาะสมเลือกใช้ถูกจึงจะสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ โดยผมก็มีหลักในการพิจารณาดังต่อไปนี้
1.ต้องมีความเกี่ยวข้อง
Keyword ที่เหมาะสม คือ คีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือเป้าหมาย ของเว็บไซต์ เช่น ชื่อสินค้า ประเภทสินค้า ปัญหาของลูกค้า ผลลัพธ์จากการใช้งานสินค้า และอื่น ๆ คีย์เวิร์ดยิ่งมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์เท่าไร โอกาสที่เว็บของคุณจะติดอันดับบน google และ ได้ผู้เข้าชมเว็บมาเป็นลูกค้า ก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย
2.ต้องมีปริมาณการค้นหา และ เป็นคำที่มีคนใช้
คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม คือ คำหรือวลี ที่มีคนใช้งาน มีปริมาณการค้นหา ต้องเข้าใจก่อนว่า คีย์เวิร์ด ไม่ใช่คำอะไรก็ได้ ถึงแม้คำนั้นจะเป็นคำที่บ่งบอกถึงสินค้าหรือบริการของคุณโดยตรง อาจจะไม่ใช่คำที่มีคนใช้ก็ได้ ซึ่งถ้าไม่มีคนใช้ก็ไม่อาจเป็นคีย์เวิร์ดได้ ให้คิดง่าย ๆ ว่า คีย์เวิร์ด คือ คำที่กลุ่มเป้าหมายใช้ หรือ ลูกค้าของเราใช้ โดยคำที่ว่าอาจจะเป็นคำต่างความหมาย เช่น “ห้องพัก ที่พัก บ้านพัก” หรือ คำที่เขียนผิด เช่น “มอไซค์ น่ำตาล แทปเลต” ตราบใดที่คำนั้น คนเขาใช้กัน และ มีปริมาณการค้นหาสูง ก็เป็นคีย์เวิร์ดได้เช่นกัน
3.สามารถแข่งขันได้
อะไรคือความหมายของคำว่า “สามารถแข่งขันได้” คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเป็นคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาที่สูงมาก ๆ อย่างเดียว ไม่ใช่ว่าเห็นคีย์เวิร์ดที่มีคนค้นเยอะ ๆ แล้วนำมาใช้แล้วจะดี ถ้าจะดี คีย์เวิร์ดต้องแข่งขันได้ด้วย ถึงแม้ปริมาณการค้นหาจะไม่สูงที่สุดก็ตาม
แล้วจะรู้ได้ไงว่า สามารถแข่งขันได้ มันต้องขนาดไหน ? ให้ใช้วิธีดังต่อไปนี้พิจารณา
ใช้พวก Keyword Research Tools ที่เป็นโปรแกรมใช้ในการวิเคราะห์ความยากง่าย (Keyword Difficulty) ซึ่งเดี๋ยวไว้ผมจะอธิบายในเนื้อหาบทต่อ ๆ ไป
(อ่านวิธีทำ Keyword Reearch ตรงนี้ >> วิธีหา Keyword )
พิจารณาจากต้นทุนของคุณและผลตอบแทนที่จะได้รับในการแข่งขันบนคีย์เวิร์ดนั้น ๆ อย่าลืมว่าการทำ SEO มีต้นทุน หากพิจารณาแล้วว่า เงินที่ใช้ไปสำหรับการทำ SEO ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไป การแข่งขันนี้ก็ถือว่า สามารถแข่งขันได้ แต่ถ้าคีย์เวิร์ดมีการแข่งขันสูงเกินไป ยาก ต้องใช้เงินและเวลาเยอะ อาจจะพิจารณาไปใช้ช่องทางอื่นที่คุ้มค่ากว่าเช่นการใช้ Pay Per Click เป็นต้น
- High Commercial Intent
คีย์เวิร์ดที่ดีควรเป็นคีย์เวิร์ดประเภท High Commercial Intent เพราะคีย์เวิร์ดประเภทนี้ สามารถเพิ่มยอดขาย และทำเงินให้เราได้โดยตรง โดย High Commercial Intent จะมี 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้
Buy Now Keyword กลุ่มคำที่ใช้โดยคนที่มีกำลังซื้อ และมีความต้องการซื้อแบบเร่งด่วน เช่น
- “จองที่พัก เกาะล้าน” (กำลังจะไปแล้ว เลยต้องจ้องห้อง)
- “ร้านอาหาร xxx จองโต๊ะ” (นัดกันไว้แล้ว กลัวโต๊ะไม่ว่าง)
Product Keyword กลุ่มคำที่ระบุ ชื่อ รุ่น ยี่ห้อ ลักษณะของสินค้าหรือบริการ แบบเฉพาะเจาะจง เช่น
- “รองเท้า adidas รุ่น stan smith”
- “รีวิว KEEN Uneek”
- “ที่พักหัวหิน ราคาถูก 500 ติดทะเล”
จริง ๆ แล้ว ประเภทของ Keyword อาจจะมีการแบ่งในหลากหลายลักษณะแล้วแต่จะเติมคุณลักษณะแบบไหนเข้าไป บ้างแบ่งเป็น 7 ประเภท 5 ประเภท แต่หลัก ๆ แล้วก็หนีไม่พ้น นิยามของประเภทคีย์เวิร์ด ที่ผมได้กล่าวไว้ในบทความนี้แหละ ซึ่งหากคุณเข้าใจการใช้งานของคีย์เวิร์ดทั้ง 3 ประเภทนี้แล้ว ผมเชื่อว่าคุณจะเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับเว็บของคุณมาใช้งานได้อย่างแน่นอน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่จ้า : Moz