การทำ SEO (Search Engine Optimization) อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วในเนื้อหาก่อนนี้ ว่า การทำ SEO มีหัวใจหลักในการทำอยู่ 2 ภาคส่วนด้วยกัน คือ On-Page SEO และ Off-Page SEO ซึ่งเรื่องของการทำ On-Page นั้น ผมได้ทำบทความไว้แล้ว (ไปอ่านกันได้) และสำหรับในเนื้อหาที่เพื่อน ๆ กำลังอ่านอยู่นี้จะว่าด้วยเรื่องของการทำ Off-Page SEO ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กับการทำ On-Page เลย ส่วนตัวผมมองว่าทำยากกว่าด้วยซ้ำ เพราะต้องไปทำกันภายนอกเว็บไซต์ ซึ่งมีหลาย ๆ ปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แถมยังใช้งบประมาณค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับคนทำ SEO เป็นอาชีพ ย่อมมีเทคนิคในการทำกันอยู่ ซึ่งผมจะมาแชร์เบสิกกันในเนื้อหาด้านล่างต่อไป
Off-Page SEO คืออะไร
Off-Page SEO คือ กลยุทธการทำ SEO ที่เราทำกันภายนอกเว็บไซต์ตัวเอง คือ ไปทำที่เว็บอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของเว็บเรานั่นแหละ ถ้าการปรับ On-Page เป็นปัจจัยภายใน ที่ส่งผลต่อการทำอันดับเว็บไซต์ Off-Page ก็เป็นปัจจัยภายนอกที่จะเป็นพลังส่งมาดันเว็บเราให้ทำอันดับได้ง่ายขึ้น ซึ่งหัวใจหลักของการทำ Off-Page ก็คือการทำ Backlink ดังนั้นหลาย ๆ คนอาจจะเรียกการทำ Off-Page ว่าการทำ Backlink นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Backlink ไม่ใช่วิธีเดียวในการทำ Off-Page ยังมีอีกหลายเทคนิคดี ๆ ที่คนทำ SEO นิยมทำกัน ซึ่งเดี๋ยวผมแชร์เทคนิคเหล่านี้ให้ด้วย ถ้าอ่านกันจนจบ มีประโยชน์แน่นอน
ทำไมต้องทำ Off-Page SEO ? มันช่วยอะไร สำคัญตรงไหน
ถ้าจะให้กล่าวถึงประโยชน์ และ ความสำคัญของการทำ Off-Page ต่อเว็บไซต์ ผมขอแบ่งเป็นประโยชน์หลัก ๆ 3 ข้อแล้วกัน ดังนี้
- ช่วยสร้างอำนาจ เพิ่มชื่อเสียง และ ความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ (Domain Authority)
การทำ Off-Page จะช่วยสร้างอำนาจ และ ความน่าเชื่อถือ (Domain Authority) ให้กับเว็บไซต์ได้ ผ่านการทำ Link Building หรือการสร้าง Backlink ที่เชื่อถือได้จากหลายเว็บไซต์ที่ Google มองว่ามีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะส่งผลต่อการพิจารณาจัดอันดับ เพราะถ้าเว็บเราได้รับการอ้างอิงจากเว็บที่มีความน่าเชื่อถือสูง Google ก็จะมองเว็บเราว่ามีความน่าเชื่อถือเช่นกัน
- ช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์
Traffic หรือ จำนวนผู้เข้าชมเว็บ เป็นปัจจัยที่แสดงถึงความน่าสนใจ และ ความน่าเชื่อถือของเว็บเราได้เช่นกัน เพราะงั้นต่อให้เราปรับ On-Page มาดีแค่ไหน เนื้อหาเราปังปุริเย่เบอร์ไหน ถ้าคนเข้าไม่ถึงจนไม่มีผู้ชมเลย ก็ยากที่ Google จะเข้าใจว่าเว็บเราดี มีประโยชน์ได้ ดังนั้น การทำ Link Building การ Branding โดยการเอาลิงก์เราไปแปะในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพิ่มโอกาสให้คนเห็นและคลิกเข้ามาชม จะช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ได้ในอีกช่องทางหนึ่ง
- ช่วยให้การทำ SEO ในภาพรวม ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
เมื่อเราทำ Link Building , Branding หรือ ใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการส่งออกลิงก์ของเราจนเว็บเริ่มจะมีความน่าเชื่อถือสูง มีอำนาจมากขึ้น (Domain Authority) และ มี Traffic มากขึ้น Google จะให้ค่าเว็บไซต์เรามากขึ้น การ Index ก็จะไวขึ้น การทำอันดับก็จะง่ายและรวดเร็วขึ้นตาม ๆ กันไปด้วย
10 เทคนิคแบบเบสิก สำหรับการทำ Off-Page SEO
1.Link Building
Link Building หรือการหา Backlink คือ ความพยายามในการทำให้เว็บไซต์ของเราได้รับลิงก์อ้างอิงจากเว็บไซต์อื่น ๆ กลับมา ถือว่าเป็นหัวใจหลักของการทำ Off-Page SEO เลยก็ว่าได้ ซึ่งวิธีการหา Backlink เบื้องต้นจะสามารถได้จาก 2 วิธี คือ การทำ Link Building ด้วยตัวเอง และ การไปฝากให้เว็บไซต์อื่น ๆ ทำลิงก์กลับมาให้
- การทำ Link Building ด้วยตัวเอง
สามารถทำได้โดยการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเอง ลงเนื้อหาที่มีคุณภาพ โดยขอบเขตของเนื้อหา และธีมของเว็บไซต์ ควรมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หลักเราด้วย วิธีนี้เป็นเทคนิคอย่างนึงที่เรียกว่าการทำ PBN (Private Blog Network) จัดเป็นเทคนิคที่ไม่ขาวไปซะทีเดียว (ออกเทานิด ๆ) “ แนะนำให้ใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น “ เพราะวิธีนี้ใช้งบเยอะ และ ใช้เวลามากด้วย
- การไปฝากให้เว็บไซต์อื่น ๆ ทำลิงก์กลับมาให้
สามารถทำได้โดยการจ่ายเงินซื้อ backlink อาจอยู่ในรูปของแบนเนอร์ การให้ทำบทความ (Guest Posting ) ฯลฯ หรือ อาสาไปทำคอนเทนต์ให้ การไปเขียนบทความลงบนเว็บไซต์ที่เปิดช่องทางให้ทำ ฯลฯ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเราจะไปทำ backlink บนเว็บไซต์อะไรก็ได้นะ เว็บไซต์ที่เหมาะกับการทำไป backlink ต้องมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ด้วย
- เว็บไซต์ดังกล่าวควรเป็นเว็บไซต์ที่มีค่า DA(Domain Authority) สูง มีความน่าเชื่อถือสูง
- Backlink ที่ทำกับมาต้องมีลักษณะเป็นลิงก์แบบ Follow หรือ Nofollow Link
- มี Traffic หรือ ผู้ใช้งานเว็บไซต์จำนวนหนึ่ง ยิ่งมาก ยิ่งดี
- เป็นเว็บไซต์ที่มีความ Relevant กับเว็บไซต์ของเรา กล่าวคือ อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางใดทางหนึ่ง
- มีหน้าเว็บเพจที่ติดอันดับบนหน้า SERP ของ Google อันดับยิ่งสูงยิ่งมีคุณภาพ
2. Brand Building
การสร้างแบรนด์ (Brand Building) อาจไม่ได้ส่งผลกับการจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google โดยตรง แต่จัดเป็นเทคนิคการทำ Off-Page ที่สามารถช่วยสร้างความเข้าใจและความน่าเชื่อถือ ในสายตาของ Google ได้เป็นอย่างดี เพราะยุคนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของแบรนด์มากขึ้น ก่อนจะซื้อสินค้าหรือบริการ มักจะอ่านรีวิวเสริมสร้างความมั่นใจกันก่อน ว่าสินค้าจากแบรนด์นี้ดีจริงหรือเชื่อถือได้จริงหรือไม่ ดังนั้นถ้าแบรนด์ของเราถูกค้นหาบ่อย มีคนพูดถึงมากขึ้น ย่อมส่งผลต่อ Authority ของแบรนด์ ทั้งในสายตาของลูกค้าและของ Google ด้วย อีกทั้งถ้าแบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว ยังเพิ่มโอกาสได้ Natural Backlink ที่เกิดจากเว็บอื่นอ้างอิงถึงเว็บคุณกลับมาแบบฟรี ๆ ด้วยนะ
ซึ่งคุณสามารถเช็กว่าแบรนด์ของคุณเริ่มมีคนรู้จักบ้างหรือยัง สามารถทำได้โดยการพิมพ์ชื่อแบรนด์ ชื่อผลิตภัณฑ์ หรือ =ชื่อโดเมนของคุณในช่องค้นหาของ Google ได้เลย หรือ จะลองเอาไปใส่ใน Google Trend เพื่อดูปริมาณการค้นหาก็ได้
3.การทำ Content Marketing
ใครบอกว่าการทำ Content เป็นเรื่องของการทำ On-Page อย่างเดียว จริง ๆ แล้ว สามารถนำมาใช้กับการทำ Off-Page ได้และดีด้วย
ตัวอย่างการทำ Content Marketing สำหรับการทำ Off-Page
- เขียนบทความที่มีประโยชน์ แล้วนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียง และ มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ
- การทำภาพ Infographic , E-book หรือ คอนเทนต์ดี ๆ จนคนเอาไปแชร์ต่อกันจำนวนมาก
- การทำคอนเทนต์บางประเภท ที่เหมาะกับการแชร์ หรือ การใช้อ้างอิง
เพียงใช้เทคนิคเหล่านี้คุณก็จะได้รับ Backlink ที่มีคุณภาพกลับมาที่เว็บไซต์ของคุณแล้ว รวมถึงยังเพิ่มชื่อเงสียง และ ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ได้มากขึ้นด้วย นำไปสู่อันดับที่ดีคุณในผลการค้นหาของ Google
4. Podcast และ Video
Podcast และ Video เป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงมากในยุคนี้ ดังนั้นในการทำ Off-Page คุณก็ไม่ควรพลาดที่จะใช้ประโยชน์จากการใช้สื่อประเภทนี้มาช่วยในการทำอันดับเช่นกัน ถึงแม้ว่า Backlink ที่มาจากช่องทางของ Podcast และ Video ไม่ใช่ปัจจัยที่ Google นำมาใช้ในการพิจารณาจัดอันดับ ทว่าการที่เราทำคลิปลงแพลตฟอร์มดัง ๆ อย่าง TikTok หรือ Youtube แล้วมีคนกดลิงก์กลับมาที่เว็บเราเยอะ ๆ ก็เป็นการเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์ได้ดี แถมยังถือว่าเป็นการทำ Branding ให้คนรู้จักเว็บเราเยอะ ๆ อีกด้วย
5. Local SEO
Local SEO เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ดี ในการทำ Off-Page SEO โดยเราสามารถทำ Local SEO ได้ผ่านการทำ “Google My Business” ที่เป็นเครื่องมือฟรีของ Google ครับ
โดย Google My Business นี้ เป็นเครื่องมือฟรี ที่ใช้สร้างหน้าโปรไฟล์ให้กับธุรกิจ องค์กรและห้างร้านต่าง ๆ ให้ได้มีหน้าโปรไฟล์เป็นของตัวเอง แถมหน้าโปรไฟล์ของธุรกิจที่ว่านี้ ยังสามารถค้นหาเจอได้บน Google Search และ Google Map ซะด้วย ซึ่งการทำหน้าโปรไฟล์นี้ให้ติดอันดับบน Google Search และ Google Map ก็จัดว่าเป็นการทำ Off-Page อีกรูปแบบหนึ่งด้วย
6. Social Media
การใช้งาน Social Media เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทองในการทำ Off-Page เลยครับ จาก สถิติการใช้งาน Social Media ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทั่วโลกกว่า 93% ใช้งานโซเชียลมีเดีย และเป็นช่องทางสำคัญที่ลูกค้าหรือผู้ใช้งาน ใช้ในการปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นหาข้อมูลสินค้า อ่านรีวิว ตรวจเช็กความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ฯลฯ
ดังนั้นการที่เราเอาลิงก์ของเว็บไซต์เรามาปล่อยในโซเชียลมีเดีย ผ่านการทำคอนเท็นในรูปแบบต่าง ๆ ย่อมส่งผลดีต่อการเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ อีกทั้งยังเป็นการทำ Brand Building ที่ดีด้วย ถึงแม้ว่า Backlink ที่ได้จากช่งอทางนี้จะเป็นแบบ No-Follow ที่ Google จะให้คะแนนน้อย (ไม่ให้ความสำคัญเท่าไร) แต่ถ้าได้รับในปริมาณมาก ๆ ก็ส่งผลให้อัลกอริทึ่มของ Google มองว่าเว็บไซต์เรามีคุณภาพและนำไปพิจารณาในการจัดอันดับได้ด้วยเช่นกัน
7. Forums Marketing
ผมกำลังพูดถึง เว็บบอร์ด หรือ เว็บกระทู้ นั่นแหละครับ ถ้าในประเทศไทยบ้านเรา เว็บฟอรั่มดัง ๆ ก็ Pantip.com เว็บบอร์ดที่เปิดพื้นที่ให้ผู้คนใช้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สอบถาม ปรึกษา อวดรวย ระบายความในใจ รีวิว ฯลฯ
โดยเราสามารถเข้าไปตั้งกระทู้ ให้ความรู้ ริวิวสินค้าหรือบริการ จัดอันดับสินค้า ฯลฯ แล้วทำ Backlink กลับมาเว็บไซต์ของเราได้ครับ ถึงแม้ว่าลิงก์ที่ได้กลับมาจะเป็นแบบ No-Follow แต่ลิงก์นั้นก็ยังสามารถนำ Traffic ใหม่ ๆ มาให้กับเว็บเราได้ อีกทั้งถ้าเราตอบคำถามดี ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ก็จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ และ เว็บไซต์ของเราก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย
8. Influencer Marketing
การใช้งาน Influencer ในปัจจุบันนี้ เป็นวิธีการทำการตลาดที่มาแรงมาก ๆ ถึงมากที่สุด แถมยังทรงพลังมาก ๆ ด้วย การใช้ให้ Influencer มาพูดถึงเว็บเรา อ้างอิง หรือแชร์ลิงก์คอนเทนต์ของเว็บเรา ด้วยอิทธิพลของการเป็นคนดัง เป็นที่รู้จัก มีผู้ติดตามและให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เว็บที่เขาเหล่านี้พูดถึงหรือแชร์ออกไป จะได้รับ Brand Awareness และความน่าเชื่อถือ อย่างรวดเร็วและจำนวนมากเลยทีเดียว
9.Review
การรีวิวสินค้าหรือบริการ ไม่ใช่เรื่องของทางฝั่งผู้บริโภคอย่างเดียว แต่ในมุมกลับก็เป็นเรื่องของเว็บไซต์ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการเช่นกัน การได้รับการรีวิวที่ดี รีวิวเชิงบวก จำนวนมาก ๆ ย่อมส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ มีคนอยากจะมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของเรามากขึ้น (Traffic มากขึ้น) อีกทั้งยังช่วยให้ Google เข้าใจแบรนด์เรา รู้ว่าแบรนด์เราเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อผู้คน เหมาะสมกับการหยิบเว็บของเราไปติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหา
10.Evets หรือ Webinar
การจัดอีเวนต์ออนไลน์ หรือ สัมมนาออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้เราสามารถทำ Off-Page SEO ให้ดีขึ้นได้ อย่างไม่น่าเชื่อ การจัดอีเวนต์ออนไลน์ หรือ สัมมนาออนไลน์ นอกจากจะเป็นประโยชน์ในแง่ของการสร้างแบรนด์และประชาสัมพันธ์แบรนด์แล้ว ยังมีโอกาสที่จะได้รับ Backlink กลับมาผ่านทางการทำ Press Release หรือ การที่สื่อเขียนข่าวถึงแบรนด์ การอ้างอิงจาก Influencer ที่จ้างมาทำงาน รวมไปถึงเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับอีเวนต์ที่เราทำ เป็นต้น
ข้อควรระวัง
สำหรับการทำ Backlink ใครคิดว่าจะทำมั่ว ๆ ไปทำที่ไหนก็ได้ อยากจะบอกว่านี่เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เป็นความเข้าใจผิดที่ต้องมาทำความเข้าใจซะใหม่เลยครับ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างมาก ในการทำ Backlink คือ การไปทำลิงก์บนเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือ เอาลิงก์ไปวางมั่วในเว็บต่าง ๆ เน้นปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพ อะไรแบบนี้ เพราะการทำลักษณะนี้ Google อาจจะมองว่าลิงก์ของเราเป็น spam เป็นลิงก์ขยะ ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดอันดับ จากที่ดีอยู่แล้วอาจจะอันดับตกอย่างรวดเร็ว ถ้าหนักหน่อยอาจจะถูกแบนจนลิงก์ของเราไม่มีวันที่จะไปปรากฎบนหน้า SERP ของ Google ได้อีกเลย
สรุปแล้วการทำ Off-Page SEO ก็คือการทำ Backlink จากภายนอกเข้ามาเว็บไซต์ของเรานั่นแหละ ซึ่งก็สามารถทำได้ผ่านช่องทาง และ กระบวณการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Content Marketing , Social Media , ทำ Podcast , สร้างกระทู้ใน Pantip , การใช้ Influencer และอื่น ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น
สุดท้ายอยากจะบอกว่าการทำ Off-Page เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการทำ SEO ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับของ Google เท่านั้น ยังมีปัจจัย (Ranking Factors) อีกมากมาย ที่เราต้องไปใส่ใจ อาทิเช่น Core Web Vitals , E-E-A-T Factor หรือเรื่องของ Search Intent ซึ่งผมจะพยายามนำมาเสนอในบทความต่อ ๆ ไป ก็ฝากติดตามกันด้วยแล้วกันครับ