SEO คืออะไร ทำความรู้จักการปรับแต่งเว็บไซต์ ให้อากู๋กดไลค์กันดีกว่า

SEO คืออะไร

SEO หรือ Search Engine Optimization คือ กระบวนการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหาของ Google ( Google SERPs ) และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ พูดให้เข้าใจกันง่ายแบบภาษาชาวบ้านเลย คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้มีคุณภาพให้ดีขึ้น เพื่อโปรยเสน่ห์ให้อากู๋ชายตามอง แล้วหยิบเว็บเราไปโชว์ในหน้าแรก ๆ ของกูเกิ้ลนั่นเอง โดยการทำ seo มีองค์ประกอบหลัก ดังต่อไปนี้

• คีย์เวิร์ด (Keywords) คือ คำหรือวลีที่ผู้คนใช้ในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหามากขึ้น
• เนื้อหา (Content) คือ เนื้อหาที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของคุณ เนื้อหาที่ดีควรมีคุณภาพสูง มีประโยชน์ และเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่คุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ
• โครงสร้างของเว็บไซต์ (Website Structure) คือ การจัดระเบียบของเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น และทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหามากขึ้น
• การโปรโมตเว็บไซต์ (Website Promotion) คือ การเผยแพร่เว็บไซต์ของคุณไปยังผู้คนมากขึ้น การโปรโมตเว็บไซต์สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การสร้างลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณจากเว็บไซต์อื่น ๆ หรือการแชร์บทความหรือเนื้อหาจากเว็บไซต์ของคุณบนสื่อสังคมออนไลน์

การทำ SEO สำคัญอย่างไรกับธุรกิจของคุณ?

ก่อนจะพูดถึงความสำคัญของ การทำ SEO ขอถามก่อนว่า ทุกวันนี้เวลาคุณจะเลือกซื้อของสักอย่างหนึ่ง จะไปกินกาแฟร้านไหน หรือ แม้แต่เวลาคุณอยากจะแก้ปัญหาอะไรสักอย่างในชีวิต แต่คุณไม่รู้วิธีทำ คุณทำยังไง? ติ๊กต๊อก… ติ๊กต๊อก เฉลยเลยแล้วกัน คำตอบคือ คุณเสิร์ชบนกูเกิ้ลใช่มั้ยครับ นั่นแหละครับคำตอบ

โดยจากการสำรวจของเว็บไซต์ Highervisibility พบว่า ผู้เสิร์ชจะเลือกคลิกเว็บไซต์ที่อยู่ในหน้าแรกมากถึง 95% เลือกคลิกเว็บที่อยู่อันดับหนึ่งถึง 32% อันดับสอง 16% และอันดับสาม 10% ไล่ลงมาตามลำดับ หน้าถัดจากหน้า 1 เป็นต้นไปมีคนคลิกแค่ 5% เท่านั้นเอง จากสถิตินี้เห็นแล้วใช่ไหม ถ้าคิดจะทำ seo แล้ว หน้าแรกคือเป้าหมายสูงสุดเท่านั้น

วิธีการทำ SEO ทำอย่างไร

การทำ SEO หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ ให้ต้องตาต้องใจ google นั้น มีองค์ประกอบมากมายที่คนทำ seo ต้องเข้าไปจัดการ ซึ่งปกติเราจะแบ่งงานเป็น 2 ภาคส่วนหลัก คือ งาน On-page และ Off-Page

On-page SEO

การปรับแต่ง on-page SEO คือกระบวณการที่เราปรับแต่งเนื้อหา โค้ด โครสร้างเว็บ จะเป็นงานที่ทำบนเว็บไซต์ของเราเอง บางที่อาจเรียกว่า On-site SEO ซึ่งมีความหมายเหมือนกัน โดยงานที่เราโฟกัสจะมี

• เลือกคำหลักที่เหมาะสม (Keyword Research): คำหลักคือคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต การเลือกคำหลักที่เหมาะสมจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหามากขึ้น
• เขียนเนื้อหาคุณภาพสูง (High Quality Content): เนื้อหาที่ดีควรมีคุณภาพสูง มีประโยชน์ และเกี่ยวข้องกับคำหลักที่คุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ เนื้อหาที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหามากขึ้น และดึงดูดผู้ใช้งานมากขึ้น
• ปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณ (Website Structure): โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น และทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหามากขึ้น
• เพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพของคุณ(Media): รูปภาพสามารถช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหาได้ เพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพของคุณโดยเพิ่มคำบรรยายรูปภาพและชื่อ alt ที่เหมาะสม
• สร้างลิงก์ภายในเว็บไซต์ของคุณ (Internal Link) : ลิงก์ภายในเว็บไซต์ของคุณสามารถช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหาได้ สร้างลิงก์ภายในเว็บไซต์ของคุณโดยเชื่อมโยงจากหน้าหนึ่งไปอีกหน้าหนึ่งโดยใช้คำหลักที่เหมาะสม
• ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ของคุณ (Page Speed): ความเร็วเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้เร็วขึ้น และทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหามากขึ้น
• ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณ (UX/UI): ประสบการณ์การใช้งานที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานเว็บไซต์ของคุณได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหามากขึ้น

รายละเอียดในงานส่วนนี้จะเยอะมาก ๆ ว่าต้องปรับปรุ่งอย่างไร แบบไหนดี ซึ่งจะยัดทุกอย่างลงไปในบทความเดียวคงจะยาวแล้วยาวอีกแน่ ๆ เอาเป็นว่ารายละเอียดในส่วนนี้ ผมจะทำเป็นบทความแยก ๆ เอาไว้ให้แล้วกัน ลองไปติดตามกันดูนะ

Off-page SEO

งานในส่วนของ off-page seo หรือ บางที่อาจจะเรียกว่า off-site seo ก็ตามชื่อเลยแหละ คือ งานที่เราไปทำนอกเว็บไซต์ของเราเอง จะเป็นเรื่องของการทำลิงก์ย้อนกลับ ( Link Building ) การนำคอนเทนต์ไปแชร์บนโซเชียลมีเดีย การทำให้คนพูดถึงแบรนด์ของเราจากเว็บไซต์อื่น และ อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งกระบวณการนี้สำหรับผมนะ เป็นส่วนงานที่ยากและใช้งบประมาณมากที่สุดแล้วในการทำ SEO เพราะมันเป็นงานที่ทำนอกเว็บอะ เราไม่ได้เป็นเจ้าของ จึงมีหลาย ๆ ปัจจัยที่เราไม่สามารถกำหนดได้

Tools หรือ เครื่องมือช่วยในการทำ SEO หลัก ๆ มีอะไรบ้าง

การทำ SEO คุณจะไม่สามารถทำได้เลยโดยปราศจากเครื่องมือ (Tools) ช่วยทำ เรียกได้ว่า Tools เป็นครึ่งหนึ่งของการทำ SEO เลยก็ว่าได้ ซึ่งเครื่องมือที่เรานำมาใช้ในการช่วยทำ SEO นั้นมีเยอะแยะมากมาย จะกล่าวทั้งหมดก็คงยาก ( ไว้จะทำบทความแนะนำ Tools เจ๋ง ๆ ให้ทีหลังแล้วกัน ) มาทำความรู้จัก Tools หลัก ๆ ที่ขาดไม่ได้กันก่อน

เบื้องต้นสำหรับผู้เริ่มต้น

• Google Search Console: เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหาของ Google
• Google Analytics: เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณและพฤติกรรมของผู้ใช้

เมื่อพอมีประสบการณ์และ งบประมาณ์แล้ว

• SEMrush: เครื่องมือ SEO แบบชำระเงินที่มีคุณสมบัติมากมาย เช่น การวิเคราะห์การแข่งขัน การวิจัยคีย์เวิร์ด และการติดตามตำแหน่งเว็บไซต์
• Ahrefs: เครื่องมือ SEO แบบชำระเงินที่มีคุณสมบัติมากมาย เช่น การวิเคราะห์ลิงก์ การวิจัยคีย์เวิร์ด และการติดตามตำแหน่งเว็บไซต์
• Moz: เครื่องมือ SEO แบบชำระเงินที่มีคุณสมบัติมากมาย เช่น การวิเคราะห์ลิงก์ การวิจัยคีย์เวิร์ด และการติดตามตำแหน่งเว็บไซต์
• และอื่น ๆ อีกเพียบ

เครื่องมือ SEO ที่ดีที่สุดสำหรับคุณขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ หากคุณเพิ่งเริ่มต้นกับ SEO คุณอาจต้องการใช้เครื่องมือฟรี เช่น Google Search Console และ Google Analytics เมื่อคุณมีความรู้และประสบการณ์มากขึ้นแล้ว คุณอาจต้องการพิจารณาใช้เครื่องมือ SEO แบบชำระเงิน เช่น SEMrush, Ahrefs หรือ Moz

อ่านมาถึงตรงนี้น่าจะเข้าใจกันแล้วเนอะว่า SEO คืออะไร และมีวิธีทำโดยคร่าว ๆ อย่างไร การทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและยาวนาน แต่หากทำอย่างถูกต้องก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหา และดึงดูดผู้ใช้งานมากขึ้นอย่างแน่นอน